บังเอิญว่าช่วงวันที่ 3-4 มิถุนายน 2555 ที่คิดว่าจะไปเที่ยวจันท์ กลับหาที่พักสวยๆถูกใจไม่ได้ (ก็ long weekend นี่นะ) ขัดใจ! ไปเที่ยวจังหวัดอื่นก็ได้!! search net ไปมา ไปเจอที่เที่ยวที่ไม่เคยได้ยินมาก่อน..ดูผีเสื้อที่อุทยานแห่งชาติปางสีดา...ละลุ...เอาล่ะ เสียเวลานำเสนอคณะพรรคแป๊บเดียว ก็เรียบร้อย คณะนี้ ว่างัยว่าตามกันอยู่แล้ว หุหุ
ตามสไตล์ เราช่วยกันค้นที่เที่ยวขึ้นมาได้หน้ากระดาษนึง แถมยังอยากแวะระหว่างทางนู่นนี่นั่นอีก...ได้เลย..ข้อมูลหาไว้ เที่ยวได้ถึงครึ่งก็เก่งแล้ว 5555
ล้อหมุน 9 โมงเช้าวันอาทิตย์ที่ 3 วิ่งไปทางมอเตอร์เวย์ มีเพื่อนร่วมทางเยอะพอควร ขับไปเรื่อยๆ คิดว่า 2ร้อยกว่ากิโลเอง เที่ยงๆถึงสบายๆ ที่ไหนได้ พอเลี้ยวซ้ายเข้าฉะเชิงเทรา ติดหนึบกระดึ๊บๆไปเรื่อยๆ มีอุบัติเหตุนี่เอง พอจะออกจากฉะเชิงเทรา ฝนก็ตกลงมาอีก ยังดีไม่หนักจนมองทางไม่เห็น พอมาถึงพนมสารคาม ฝนเริ่มขาดเม็ด สิบเอ็ดโมงกว่าแล้ว(-"-) (ใช้เวลานานอะไรขนาดนั้น ไม่รู้) ไหนๆก็ไหนๆ ป้าก็ร้องขอให้ผู้ร่วมทางใช้เทคโนโลยี search หาร้านก๋วยเตี๋ยวปากหม้อที่ได้ยินกิตติศัพท์มานักหนาว่า..อร่อย อยากกินมา 2 ปีแล้วนะ
จะเก่ง หรือ เน็ตแรงไม่รู้ สุดท้ายจอดรถถามป้าขายหมูปิ้งจนได้ลายแทงร้านมา เขาว่าเป็นร้านดั้งเดิม (ที่จริงป้าบอกว่า ร้านไหนๆป้าก็ว่าเหมือนกัน ^^) ร้านนี้หาง่าย เข้าตลาดตรงไป ร้านอยู่ซ้ายมือ ตรงข้ามโฟโต้ช้อป ชื่อร้าน เจ๊โบ้...อร่อยดีค่า อร่อย ชอบบบบบบบ (ส่วนข้อมูลที่ได้มาจากท่านผู้รู้ ท่านว่าต้องร้านเจ๊ติ๋ม...แต่อยู่ตรงไหน มะรุนะคะ)
การทานก๋วยเตี๋ยวปากหม้อของร้านนี้ (ร้านอื่นเหมือนกันมั้ย ไม่ทราบนะคะ) คือ เราต้องนั่งที่เก้าอี้เตี้ยๆ ล้อมวงรอบหม้อก๋วยเตี๋ยวของคุณพี่ สั่งน้ำซุปใสๆมา จะให้ใส่อะไรบ้างก็บอก เช่น กระดูกหมู เลือด ฟัก ลูกชิ้น แล้วเราก็ปรุงน้ำซุปตามใจชอบ เผ็ด เปรี้ยว เค็ม หวาน เหมือนปรุงก๋วยเตี๋ยวน่ะค่ะ แล้วคุณพี่ เธอก็จะทำปากหม้อทีละอันๆ แซะด้วยไม้พายอันยาวๆมาหย่อนลงชามก๋วยเตี๋ยวของเรา ซึ่งก็จะทำวนไปเรื่อยๆทีละคน คนละชิ้น ไส้ปากหม้อมีประมาณ 6 ไส้ ที่จำได้คือ ไส้กุ้ยช่าย ไส้หวาน ไส้ถั่วงอก ไส้หน่อไม้ ส่วนตัวชอบไส้กุ้ยช่ายกับไส้หวาน รสเข้มดี
คุณพี่เธอจะทำไปเรื่อยๆ เราบอกได้ว่าจะเอาไส้อะไรไม่เอาอะไร และถ้าเราจะอิ่มก็บอกเธอ เธอจะได้หยุด หรือข้ามเราไป
อัศจรรย์ใจอย่างมาก คือ เธอจำได้ว่าใครทานไปเท่าไหร่ @0@ แล้วเธอคิดเงินตามจำนวนที่เราทานเข้าไปน่ะค่ะ
อิ่มพอประมาณ ก็เดินทางกันต่อ ฝนตกมาตลอดทาง จนใกล้จะถึงสระแก้ว เจอป้ายร้านกาแฟ Coffee Please ที่อ่านเจอในเน็ตว่าร้านสวย ขนมอร่อย โอเค...ต้องแวะ เจอปั๊บ เลี้ยวปุ๊บ หน้าร้านมีป้ายเขียนว่า ร้านกาแฟของนักวิชาการ หือ...?? เข้าไปสั่งกาแฟกัน ระหว่างรอกาแฟก็แบบ..งงๆ ไม่เห็นร้านสวยเหมือนในเน็ตเลย หรือเราจำชื่อผิดหวา...ไม่ได้บอกใคร พอเข้าห้องน้ำได้กาแฟขับรถออกมา จิ๊ดเดียว.. ถึงเจอร้าน Coffee Please อ้าวววว
ไหนๆก็ไหนๆ แวะอีก...กาแฟเพิ่งจิบไปได้นิดเดียวเอง แต่เดี๋ยวขากลับไม่รู้ว่าจะได้แวะหรือเปล่า...ร้านสวยจริง ขนมเค้กอร่อยด้วย อาหารเขาก็มีให้สั่งนะคะ บังเอิญว่าก๋วยเตี๋ยวปากหม้อเรายังไม่ย่อยดี เลยไม่ได้ชิมอาหาร...ชักสงสัย นี่ทัวร์กินรึเปล่าเนี่ย อิอิ
และแล้ว เราก็ถึงสระแก้วตอนบ่ายครึ่ง รวม 4 ชั่วโมงครึ่ง !!!! วนหาโรงแรมที่พัก จนได้ที่เรือนพิมพ์นารารีสอร์ท ไม่แพง บ้านหลังละ 600 บาทเอง ไม่รวมอาหารเช้า ทั้งรีสอร์ทมีแต่เรา 3 คน...กล้าไปมั้ย
ที่น่าตกใจคือ เราวางแผนจะไปละลุบ่ายนี้ น้องที่รีสอร์ทบอกว่าไม่ทันหรอก ให้ไปใกล้ๆ ไปปางสีดาก่อน มองหน้ากัน แล้วเราจะได้เห็นผีเสื้อเหรอ ข้อมูลบอกว่าจะเห็นแต่ช่วงเช้า แต่..เอ๊านี่คนทักนะ ไม่ใช่จิ้งจก ตกลงไปปางสีดา ระหว่างทางไป ชอบๆๆๆๆ เป็นคนบ้าทุ่งนาทุ่งหญ้าสีเขียวๆ
ไปถึงอุทยาน ตอนนั้นสักสามโมงครึ่งมั้ง จะจ่ายตังค่าเข้า คุณเจ้าหน้าที่พยายามบอกว่าให้มาใหม่พรุ่งนี้เช้า ไปตอนนี้ก็ไม่เห็นผีเสื้อแล้ว บลาๆๆ เราก็ถามว่า แล้วตอนนี้จะให้ไปไหนล่ะค๊า เค้าบอกว่า กลับบ้าน !!!
555 กลับกรุงเทพอะเหรอ ไม่ไหวม้างงง
ตายล่ะ วันนี้ เราจะได้เห็นอะไรกันล่ะนี่ โทร.ไปติดต่อที่อ่างเก็บน้ำพระปรง เผื่อจะได้ลงเรือไปเที่ยวดูนกอ้ายงั่ว เขาก็ตัดรอนแบบไม่มีเยื่อใยว่า คลื่นลมแรง ไม่ออกเดินเรือ สุดท้ายเลยไปโรงเรียนควายในพระราชดำริละกัน "โรงเรียนกาสรกสิวิทย์" บรรยากาศดีมาก ดอกไม้สวย เขามีที่พักที่นี่ด้วย เป็นแบบบ้านดิน แต่จะให้ดี น่าจะมีป้ายเขียนให้ความรู้ถึงแนวคิดโครงการให้คนมาเยี่ยมเยียนเข้าใจสักหน่อย
บริเวณแถวนี้ มีโครงการพระราชดำริหลายแห่งน่าสนใจทั้งนั้น เช่น ศูนย์เพาะเลี้ยงสัตว์ป่า ที่เขามีส่วนที่ทำเปิดให้ชมสัตว์ป่าด้วย โครงการสวนของพ่อ หมายมั่นในใจว่า..สักวันจะกลับมาเยี่ยมชมให้ได้
เสียดายว่า ท้องยังไม่ร้อง ไม่งั้นจะทานข้าวเย็นริมสระน้ำที่นี่ เมื่อไม่หิว ก็ไปดูสระแก้วกันดีกว่า ชื่อเดียวกับจังหวัดนี่ เขาทำเป็นสวนสาธารณะ มีคนมาออกกำลังกัน เราก็เดินรอบสระกันรอบนึง เหงื่อซึมเลย ทั้งๆที่เดินไป ถ่ายรูปไปเรื่อยๆ (อากาศมันร้อนน่ะ ^^)
เห็ดสวยๆริมทางเดินรอบสระแก้วค่า
แล้วก็ไปไหว้พระ..หลวงพ่อทอง วัดสระแก้วเป็นสิริมงคล พรุ่งนี้วันพระใหญ่นี่นะ หลวงพ่อทองนี้ ท่านเป็นที่นับถือของชาวเมืองสระแก้วมาก มีคุณูปการด้านการเผยแพร่พุทธศาสนา และด้านการใช้วิชาแพทย์แผนโบราณรักษาผู้เจ็บป่วยทั้งหลาย.. (สังเกตอะไรไหมคะ ที่เมืองนี้ ดอกบัวที่เขานำมาถวาย ดอกใหญ่ และพับมาอย่างสวยงามทีเดียว)
เลยไปสักการะศาลหลักเมืองด้วย มาเยือนเมืองนี้ทั้งทีนี่ กราบขอพรท่านว่า พรุ่งนี้ขอให้เราได้เที่ยวเมืองสระแก้ว ไปเห็นสิ่งที่อยากเห็น อย่าได้เจอฝนทั้งวันอย่างวันนี้ทีเทิ้ดดด เจ้าประคู้นนนน
นอนนนน กันเหอะ พรุ่งนี้จาได้ตื่นตะเช้า เรามีโปรแกรมยาวเหยียดเลย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น