หลังจากนั้น ทุ่งดอกกระเจียวก็เป็นที่รู้จักกันมากขึ้น คนไปเที่ยวกันมากๆทุกปี ปีนี้หลังจากที่ไป add friend FB กับอุทยานแห่งชาติป่าหินงามเข้า ก็เกิดอาการอยากไปขึ้นมาอย่างรุนแรง หันซ้ายหมุนขวาหาเพื่อนไปไม่ได้เลย จนสุดท้าย ลากพี่ชายตัวเองไปเป็นเพื่อน ตกลงกันวันจันทร์ วันอังคารโทร.จองที่พักที่ชัยภูมิ วันพุธควานหาที่พักที่บุรีรัมย์อีก เพราะคุณท่านอยากไปดูปราสาทหินเขาพนมรุ้งด้วย แต่โรงแรมที่อยากจะไปพัก ๒ แห่งเต็มหมด กว่าจะเรียบร้อยก็เกือบเย็นแระ เหนื่อย !! (ใครจะคิดว่าโรงแรมบุรีรัมย์จะเต็มนะ)
วันพฤหัสตื่นเช้ามา ท้องฟ้าครึ้มเชียว จะเจอฝนมั้ยน๊อ.. กว่าจะออกเดินทางก็ ๑๑ โมงเช้า เรามุ่งหน้าตรงไปสระบุรี พี่น้องหารือกันว่าจะกินกลางวันกันที่ไหน สระบุรีมีอะไรอร่อยมั่ง น้องสาวบอกว่า รู้แต่ว่ามีขนมบราวนี่อร่อย กับเห็ดย่างรสแซ่บ อ้อ...มีก๋วยเตี๋ยวลูกชิ้น ซึ่งต้องฟื้นความจำก่อนว่าอยู่ตรงไหน
..และแล้วก็เจอ เพราะอยู่ริมถนน เลยโรงแรมเกียวอันไปสักพัก เห็นรถจอดเยอะๆเป็นที่สังเกต ร้านธัญรส ๘ (ทำไมต้อง๘ ก็ไม่รู้นะคะ) ทานเส้นหมี่เนื้อทุกอย่าง ลูกชิ้นอร่อยค่ะ เนื้อเปื่อยก็ดี แต่พริกเขาเผ็ดเอาเรื่อง หมูสะเต๊ะเขาก็ใช้ได้เลยนะคะ
อิ่มแล้ว ก็เดินทางต่อ มองไปข้างหน้าเห็นฟ้าสว่าง แต่มองกระจกหลังฟ้ามืดเชียว เราวิ่งผ่าเมืองสระบุรีขึ้นไปหาอ.ชัยบาดาล พอเลี้ยวซ้ายเข้าเส้น ๒๐๕ มุ่งหน้าไปอ.เทพสถิต ฝนที่ตามเรามาจากกรุงเทพ ก็เริ่มตก แล้วตกหนักขึ้นเมื่อเริ่มขึ้นเขา ต้องเปิดที่ปัดน้ำฝนแรงสุด ไม่ชอบขับรถตอนฝนตกหนักๆเลยอะ (>,<) ค่อยๆฝ่าฝนมาเรื่อยๆ จนถึงอ.เทพสถิต ใกล้ๆแยกที่จะต้องเลี้ยว มีลานให้จอดรถได้ ก็เลยจอดรอฝนซาสักหน่อย จอดรถเสร็จ ถึงเห็นว่า จอดอยู่หน้าป้ายประชาสัมพันธ์ทุ่งดอกกระเจียวพอดี ^^
พอฝนซาลงหน่อย ก็ออกเดินทางกันต่อ เลี้ยวซ้ายเข้าถนน ๒๓๕๔ ซึ่่งมีป้ายบอกทางเป็นระยะๆ ไม่ต้องกลัวหลง ระหว่างทาง เห็นร้านอาหารประปราย มองๆไว้ก่อนว่ามีรัยน่าสนใจมั้ย
พอถึงที่พัก คือ สะเลเต ชาเล่ต์ ทางเข้า ๒ ฝั่งถนนซอยปลูกต้นสนเรียงราย ชอบๆๆ ถ้าฝนไม่ตก คงลงถ่ายรูปแล้วล่ะ เราได้ห้องพัก ชาเล่ต์ ๑ เดินลงไปตามบันไดหินที่ปลูกดอกไม้สวยริมทางเดิน
หลังคาห้องพัก...มองจากทางเดินค่ะ เขาทำเป็นนกสองตัวเกาะบนหลังคาด้วย น่ารักดี แต่มองไม่ค่อยเห็นจากรูปนี้อะ
ห้องพักชาเล่ต์ ๑ ตัวบ้านเป็นปูนสีออกเหลืองส้ม หลังคาเป็นจาก (ใช่หรือเปล่า) ห้องพักสะอาดดี มีทีวี มีอินเตอร์เน็ตให้ แต่เพิ่งสังเกตว่า ไม่มีแอร์นะคะ ท่าทางอากาศจะเย็น น้องที่มาต้อนรับถึงย้ำ ๒ ครั้งว่า มีน้ำอุ่น..!
ตอนที่มาถึงฝนยังตกอยู่เลย กะว่าจะดูหนังไปเพลินๆ แต่ปรากฎว่าคุณท่านลืมหยิบแผ่นหนังมาจากบ้าน โชคดีที่ฝนตกไม่นานก็หยุด เราเลยออกมาเดินดูบริเวณรอบๆ
นี่ค่า บ้านพักทั้งหมด ๓ หลังของสะเลเต ชาเล่ต์ แต่บ้านหลังใหญ่รูปล่างสุดนั่น ไม่ได้ให้พักนะคะ เป็นออฟฟิศ กับห้องอาหารค่ะ น่ารักดี ว่ามั้ยคะ
ที่ชอบมากคือ ที่นี่ปลูกดอกไม้สวยๆให้ดูเล่น กับสนามหญ้าเขียวๆดูสบายตา สบายแค่ไหน ก็ดูจากน้องหมาละกัน ^^
มาดูรูปดอกไม้กัน เริ่มจากดอกกระเจียวก่อนเลยนะคะ
กุหลาบค่ะ เลื้อยเป็นซุ้มอยู่แล้วออกดอกเป็นพวงเลย
ดอก...ดอกไม้ อิอิ
ดอกเสี้ยน..ใช่ไหม
ไฮเดรนเยีย
มีตั๊กแตนด้วย ^^
ฝนเพิ่งหยุดตก ดอกไม้ทั้งหลายถึงชุมฉ่ำแบบนี้
ดอกอะไรบ้างดูกันเอาเองนะคะ รู้จักแค่บางอย่างเท่านั้น ที่พยายามเดินหาคือ ดอกสะเลเต แต่เห็นแค่ดอกเดียวเอง แล้วยังเหี่ยวอีก เลยไม่ได้ถ่ายรูปมาให้ดู รู้จักมั้ยคะ ดอกสะเลเต...มหาหงส์งัยคะ ขาวๆ หอมๆ ( แต่เพิ่งรู้จากคุณท่านว่า เดี๋ยวนี้เขามีสีเหลืองกับสีชมพูด้วย ยังไม่เคยเห็นเลยอะ )
บ่อน้ำเล็ก ปลูกบัว เลี้ยงปลา
ตกเย็น เราออกไปวนรถดูรอบๆ สะเลเต ชาเล่ต์นี่ อยู่ใกล้อุทยานแห่งชาติป่าหินงามนิดเดียวเอง สัก ๕๐๐ เมตรเองมั้ง แถวนั้น มีร้านขายต้นไม้เต็มไปหมด ทั้งดอกกระเจียวและดอกไม้ทั่วไปด้วย รีสอร์ทที่พักก็มีเต็มไปหมด แต่ส่วนมากจะทำเล็กๆไม่กี่ห้อง แต่ร้านอาหารที่ดูเป็นเรื่องเป็นราวกลับไม่ค่อยมี เป็นร้านปลาเผา ร้านส้มตำไก่ย่างเสียส่วนใหญ่ ซึ่งแต่ละร้านแทบไม่มีคนนั่งเลย จะเป็นเพราะเป็นวันพฤหัสหรือเปล่าก็ไม่รู้
ขับไปเรื่อยๆ กว่าจะหาร้านได้ถูกใจ (ก็มีเปิดอยู่ไม่กี่ร้านเอง) เกือบจะออกปากทางอยู่แล้ว ถึงได้เจอร้านลุงหนวด ขายอาหารปลาทั้งหลาย บรรยากาศเป็นธรรมชาติดี เลี้ยวรถเข้าไป เจอคุณพี่หนวดงามยืนโบกรถให้ สั่งอาหารมา ๓ อย่าง ..ผัดฉ่าปลาคัง ลาบเป็ด ปลาเนื้ออ่อนทอดน้ำปลา.. อร่อยทุกอย่างเลย ผัดฉ่ารสเข้มข้น ลาบเป็ดรสนุ่มนวล ส่วนปลาเนื้ออ่อน กินเล่นก็ดี กินกับข้าวก็อร่อย ปลาของลุงสดดีจัง ลุงบอกว่า ต้องขับรถไปซื้อถึงอยุธยาน่ะนะ
รูปมืดไปหมด ไม่ได้ใช้แฟลชอะค่ะ ขอโทษที
นั่งคุยกับลุงหนวดสนุกดี ลุงบอกว่าที่นี่เที่ยวได้ตลอดปี ช่วงมีนาเมษา ให้มาดูกล้วยไม้ป่า ส่วนปลายตุลาให้มาดูกล้วยไม้ดิน อากาศแถวนี้เย็นสบายทั้งปี และถ้าอยากหนาวก็มาปลายปีได้ ไม่เลวนะ ใกล้กรุงเทพดีออก แถมยังมีเห็ดโคนด้วยนะ พูดแค่นี้ สองพี่น้องก็ตาโตแล้ว อิอิ
ขากลับ ก่อนเข้าบ้าน แหงนหน้ามองฟ้า โอ้โห....ดาวพราวเต็มฟ้าเลยยยย
ถ้ามีเพื่อนรู้ใจ คงได้นั่งเม้ากันทั้งคืน บรรยากาศแบบนี้ แต่นี่ พรุ่งนี้ต้องตื่นแต่เช้ามืด ปิดไฟนอนกันดีกว่า
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น