ปีนี้ยังไม่ได้กินเห็ดโคนเลย มัวแต่เที่ยว 5555
พอดีมีเพื่อนๆไปเที่ยวเมืองกาญจน์ เลยสั่งให้ดูด้วยว่ามีเห็ดโคนขายมั้ย พอเพื่อนบอกว่ามี วันนี้ก้อคว้าน้องนั่งรถจะไปซื้อเห็ด...
อันว่า เห็ดโคนนี้ เป็นอาหาร favorite ประจำครอบครัว พ่อชอบมาก เลยพาให้ลูกๆทุกคนชอบไปด้วย แพงเท่าไหร่ ก็เห็นพ่อซื้อตลอด ภาพแม่นั่งทำเห็ด คุ้นตามาแต่เด็ก ทุกปีที่หาเห็ดได้ ก้อจะต้มใส่บาตรให้พ่อ เคยไปใส่บาตร แล้วหลวงตาถาม..นี่เห็ดโคนหรือ ดีใจที่หลวงตาชอบ เหมือนพ่อได้กินด้วย ;)
ครั้นจะไปซื้อเห็ดเฉยๆ ก็เกรงใจเพื่อนร่วมทาง จึงเปิดเน็ต หาที่เที่ยวสักหน่อย เผื่อไม่มีเห็ดด้วย อย่างน้อยยังได้เที่ยว แล้วก็เจอที่เที่ยวหนึ่งที่ไม่เคยได้ยินมาก่อน ต้นจามจุรียักษ์ขนาด 10 คนโอบ ! เลยลองแวะไปดูสักหน่อย
โอ๊ะโอ... ระบบนำทางพาอ้อมไปด้านหลัง ผ่านทุ่งนาเวิ้งว้างไม่มีบ้านคนให้หวั่นใจเล่น ก่อนจะมาโผล่ด้านหลัง...แม่เจ้า ใหญ่มว๊ากกกค่ะ แล้วทรงต้นสวยมาก ยังกะมีคนคอยตัดแต่งกิ่งแน่ะ จะหามุมถ่ายรูปให้ได้เต็มต้น..ต้องเดินออกมาไกล
เขาบอกว่า อายุกว่าร้อยปีนะคะ มีป้ายประวัติเล่าว่า คุณตาวัย 95 ปี บอกว่า ตั้งแต่เด็กก้อเห็นเป็นต้นใหญ่แล้ว...อยากให้ทุกๆคนได้ไปเห็นจัง
วันนี้จากกรุงเทพมา รถติด และรถเยอะตลอดทาง ดูต้นไม้เสร็จก้อเที่ยงกว่าแระ ออกมาหาข้าวกิน เห็นป้ายครัวชุกโดน จะเข้าไปชิมสักหน่อย ในเน็ตให้ไว้ 5 ดาวเชียว พอเข้าไปเห็นรถบัสจอดอยู่เกือบ 10 คัน เลยขอถอย ออกมากิน แพคุณอี๊ด เจ้าประจำดีกว่า หมี่กรอบอร่อยเจ้าค่า
อิ่มตอนบ่ายสอง เลยไม่คิดจะเที่ยวไหนต่อ ออกมาตามหาเห็ดดีกว่าเนาะ ขับไปทางบ่อพลอย..แวะเจ้านึง เหมาเลย 3 ถุง คนขายบอกว่า ทำไมไม่มาเมื่ออาทิตย์ที่แล้ว เห็ดเยอะ อาทิตย์นี้เห็ดน้อย (นึกในใจว่า ใครจะไปรู้ล่ะ ว่างมะไหร่ก็มามะนั้น) แล้วน้องก็สั่งว่า พี่จำไว้นะ อาทิตย์ออกพรรษาน่ะเห็ดจะเยอะ อ้อๆ ค่าๆ จะจำให้ฝังใจเลยค่า
ถึงได้มาแล้วสามถุงก็ยังไม่หนำใจ จอดแวะอีก 2 เจ้า กระเป๋าเบาเลยเชียว ถ้าไม่สงสารคนทำ คงควักหมดกระเป๋า 5555
เห็ดเต็มเบาะเลยยยย
สมประสงค์แล้ว รีบกลับบ้านกันดีกว่า จะได้มารีบทำเห็ด เพราะใช้เวลาจัดการนานอยู่
ขับๆมา รถเยอะอีกแล้ว พอจะถึงแยกนครไชยศรี คันหน้าชะลอรถ เราก้อชะลอตาม...ตึง !!! อ้าว รถตู้ชนท้าย
อะไรฟระ ไม่ได้เบรกกระทันหันสักหน่อย >"
โทรแจ้งประกันก่อนลงไปเจรจา แล้วคู่กรณีบอกให้แยกรถ เพราะรถหลังติดยาว เดี๋ยวสิ ใจเย็นๆ ขอป้าถ่ายรูปไว้ก่อน ป้าจะได้มีหลักฐานว่า เธอมาชนท้ายป้า (คิดในใจนะ)
พอเคลื่อนรถเข้าข้างทาง คู่กรณีส่งสายให้คุยกะเจ๊ เจ๊ถามว่า หนู(?)เหตุเกิดยังงัย หนู(?)เบรคกระทันหันเหรอ หนูเอารถแอบเข้าข้างทางด้วย จะได้ไม่ขวางคนอื่น
เปล่าน๊า.. ชะลอตามคันหน้าตะหาก
เจ๊เสนอจะชดใช้ให้ 1500 แล้วจบแยกกันไป
บอกไม่ได้หรอกให้รอประกัน โทร.เรียกไปแล้ว รอไม่นานหรอก (ใครจะไปรู้ว่าความเสียหายเท่าไหร่ ถึงจะแค่กันชนก็เถอะ)
เจ๊สวนมาฉอดๆเลย ว่าหนูเป็นฝ่ายถูกจะเรียกทำไม ไม่ต้องเรียก หนูต้องเรียกเฉพาะหนูเป็นฝ่ายผิด
ไม่ได้หรอก เรียกไปแล้วอะ
เจ๊วางสายไปเลย สักพักโทร.มาคุยกะคนขับอีก แล้วคนขับส่งโทรศัพท์ให้คุยกะเจ๊ต่อ
เจ๊ยังยืนยันว่าจะเรียกประกันทำไม พี่(ตอนนี้เรียกพี่แฮะ)ไม่เข้าใจเหรอ พี่รับเงินทางนี้ไป แล้วไปเคลียร์กับประกันเอง ไม่ต้องเรียก !!!!
ก็เรียกไปแล้วนี่ รอแป๊บเดียวเขาบอกไม่นานหรอก
แล้วเจ๊ก็ถามว่านี่แยกรถหรือยัง พอรู้ว่าแยกรถแล้ว เจ๊ก็ว่า แล้วจะรู้ได้งัยว่าใครถูกใครผิด....อะอ้าววว ไหงงั้นล่ะ ตะกี้ยังจะชดใช้ให้อยู่เลย รู้สิเจ๊ ก็ถ่ายรูปไว้แล้วอะ เจ๊เลยวางหูไปเลย
ระหว่างรอเซอร์เวย์ คนขับรถตู้กะผู้โดยสารเดินกลับขึ้นรถตู้ไปหมดเลย เอ๋..อย่าบอกว่าจะหนีน๊า แอบถ่ายรูปทะเบียนรถตู้ไว้ก่อนเลย 5555
ไม่นานเซอร์เวย์เราก็มา จัดการนั่นนี่ แล้วบอกให้รอประกันของคู่กรณีก่อน เพราะถ้าเขาไม่เจอเรา อาจจะมีปัญหาได้ จ้ะ..รอก็รอ ไม่มีปัญหา มีร้านกาแฟให้นั่งเล่นพอดี แต่..รอนานไปหน่อยอะ
แล้วก็มีรถตู้ตราเดียวกันกับคู่กรณีขับมาจอด มีผู้หญิงลงมาคุยกะคนขับ..ไม่รุเจ๊รึเปล่า..มีการชี้โบ๊ชี้เบ๊ ชี้มาทางป้าด้วย แล้วเสียงดังเชียว
พอเซอร์เวย์ทางโน้นมา ก็หันมาพยักหน้ากับเซอร์เวย์ของเราหงึก แล้วเข้าไปคุยกะลูกค้าเขา พูดกันช้งเช้ง พวกเราก็มองหน้ากันว่า เรื่องไม่น่ายุ่งนี่นา ก็เขาชนท้ายเรา ไงๆก็ผิด เซอร์เวย์เราเดินเข้าไปพูดกะทางโน้น แล้วเดินมาบอกว่า เขาขอให้เรารอหน่อย เขาขอเคลียร์กะลูกค้าก่อน
คือทางคู่กรณีพยายามจะบอกว่าเราเบรคกระทันหัน เหอะ..ให้จริงทางคุณก็ผิดอยู่ดี ไม่เข้าใจรึงัย
สักพักทางโน้นจึงเดินมาขอถ่ายใบขับขี่เรา แล้วเราถึงแยกมาได้ เบ็ดเสร็จ หนึ่งชั่วโมงเศษๆ เพราะรอประกันทางคู่กรณี
เราล่ะอยากรีบกลับบ้าน เห็ดทั้งหลายในถุงนอนร้องอยากออกมาเล่นน้ำแล้ว.. รีบโทร.บอกคุณแม่บ้านให้รู้ตัวว่ามีภารกิจสำคัญคืนนี้ ^^
รถค่อนข้างติดอีก เฮ้อ..ถึงบ้านทุ่มครึ่งพอดี รีบยกเห็ดให้คุณแม่บ้าน แล้วเปิดทำการโรงงานนรกทันที
เคยกินเห็ดโคนมัยคะ ที่บ่นๆกันว่าแพงนั้น มันมีเหตุผลนะคะ
- เห็ดโคนเพาะไม่ได้นะจ๊า เขาขึ้นเองตามธรรมชาติ ออกปีละครั้ง และจะขึ้นในที่ที่มีจอมปลวก เขาว่า หลังๆนี้ จอปลวกเหลือน้อยลง เห็ดโคนก็มีจำนวนน้อยลงด้วย
- เห็ดโคนมีรสชาติเฉพาะ กลิ่น และ เนื้อของเห็ดโคนมีลักษณะเฉพาะตัว ที่ป้าคิดว่ามันอร่อยกว่าเห็ดอื่นๆทั้งหลายน่ะ อิอิ
- กว่าจะได้กินเห็ด มีกรรมวิธียาวนานมาก เพราะเห็ดขึ้นกับดินต้องล้างให้สะอาดจริงๆ ถึงจะนำมาทำอาหารได้
ดูจากขั้นตอนการผลิตเห็ดดองโรงงานนรกของป้าก็ได้
- เริ่มจากเอาเห้ดออกมา แล้วจัดการใช้มีดขูดๆลอกๆดินที่ติดมากับเห็ดออกให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ ถ้าเป็นเห็ดที่ยาวและกรอบ เรามักทำมันหักซะก่อน ถ้าดินมันเกาะแน่นมาก ก็เอาไปแช่น้ำอุ่นก่อน
- เอาเห็ดที่ขูดดินออกแล้ว แช่น้ำ เพื่อให้เศษดินที่จับตัวเห็ดอ่อนตัว และหลุดออกมา
- ล้างเห็ด ขั้นตอนนี้ ป้าใช้แปรงสีฟันและสก็อตไบรท์ ทำความสะอาดเห็ด ต้องทำทีละดอกค่ะ นานมากเลย ขั้นตอนนี้ เป็นอะไรที่เมื่อยมากกกก
- ล้างเห็ดรอบต่อมา เราก็หั่นเห็ดเป็นชิ้นพอคำ ระหว่างนั้น ก็ดูด้วยว่ายังมีคราบดินติดอยู่ไหม ถ้ามีก็ล้างออกตอนที่หั่นเห็ดไปด้วย
- ล้างเห็ดที่หั่นเป็นชิ้นแล้ว ทีละชิ้นๆ ขั้นตอนนี้จะใช้มือล้าง ตรวจสอบว่าสะอาดดีหรือยังแล้วสงขึ้นมารอนำไปต้ม
- ต้มน้ำกับน้ำปลาให้เดือด แล้วใส่เห็ดลงไป เคี่ยวสักพัก ก็จะได้เห็ดอร่อยๆ
คืนนี้โรงงานนรกเปิดทำการทุ่มครึ่ง ปิดโรงงานตอนห้าทุ่มครึ่ง ได้เห็ดเก็บกินไปได้หลายเดือน อิอิ
ที่บ้านป้าจะแบ่งเห็ดใส่ถุง แช่ช่องแข็งไปเลย เก็บไว้ได้นานหลายเดือน พอจะกินก็เอาออกมาทำกับข้าว
เมนูสุดโปรดคือต้มยำเห็ด / ยำเห็ดที่แค่บีบมะนาวซอยหอมแดงพริกขี้หนูลงไปเท่านั้น เริ่ด !! / ข้าวต้มเห็ด กินให้ได้รสเห็ดจริงๆ
ทุกปี ป้าจะไปเที่ยวแล้วแวะซื้อเห็ด มาทำเก็บไว้กินไปหลายๆเดือน ครั้งนี้เป็นครั้งแรก ที่ไม่ได้ไปเที่ยว แต่ตั้งใจขับรถไปหาเห็ด เลยกลายเป็นขับรถไหาเรื่องซะงั้น 5555
แต่...ต้นจามจุรียักษ์นี่ ถ้าใครไปทางเมืองกาญจน์ ขอแนะนำให้แวะไปดูค่ะ
แค่คิดว่า เขายืนยงอยู่มาได้กว่าร้อยปีนี่ ก็น่าทึ่งแล้ว รูปฟอร์มต้นยังสวยสง่า หวังว่าจะยืนยงต่อไปได้อีกร้อยปี
คิดว่า ที่อยู่รอดมาให้พวกเราได้เห็นนั้น ส่วนหนึ่งเป็นเพราะอยู่ในสถานที่ราชการ หากเป็นที่ดินเอกชน อาจไม่เหลือให้เราดูแล้วก็ได้